ACE ประกาศผลงานปี 63 เดินหน้าสร้างสถิติเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำไรสุทธิพุ่ง 1,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% จากปี 62 จ่ายปันผล 0.018 บาท/หุ้น เมื่อบวกกับปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปก่อนหน้าอีก 0.03 บาท/หุ้น รวมเป็น 0.048 บาท/หุ้น เผยปี 64 ยังมีหลายปัจจัยบวกหนุนเติบโตระยะยาว

ACE เผยผลประกอบการปี 2563 เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำไรสุทธิ 1,508 ล้านบาท เติบโต 85% จากปี 2562 โดยเป็นผลสำเร็จจากการบริหารและดำเนินงานกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องยาวนานเต็มประสิทธิภาพ การบริหารและควบคุมต้นทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดีทำให้โรงไฟฟ้าทุกประเภทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น และการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมประกาศจ่ายปันผล หุ้นละ 0.018 บาท ซึ่งเมื่อบวกกับปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปก่อนหน้าตอนเดือนมิถุนายน 2563 อีก 0.03 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินปันผล 0.048 บาท/หุ้น คาดปี 2564 เป็นจุดเริ่มต้นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดรอบใหม่ โดยจะมีการรับรู้รายได้เต็มงวดของโครงการต่างๆ ที่เริ่ม COD ไปเมื่อปลายปี 2563 การรับรู้รายได้บางส่วนของโครงการที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและ COD ได้ทันภายในปีนี้ และการรับรู้รายได้จากดีลการซื้อกิจการที่ COD แล้วที่อาจได้มาเพิ่มเติมในปีนี้ ด้านจำนวนโรงไฟฟ้าและจำนวนเมกะวัตต์ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเซ็น PPA ใหม่ๆ และการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนและโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน

นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ACE ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานสะอาดของไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2563 ซึ่งมีการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์แม้จะเป็นปีที่ประเทศไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาที่รุนแรงของโรคระบาด COVID-19 โดยมีกำไรสุทธิ 1,508 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 85% จากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 815 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากการขายและบริการ 4,988 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 4,951 ล้านบาท 

 “ปี 2563 แม้จะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยต้องได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรงจากโควิด-19 จนทำให้ GDP ของประเทศลดลง 6.1% จากปี 2562 แต่ด้วยกลยุทธ์การบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี การปรับปรุงพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง ตลอดจนความร่วมมือร่วมใจและทุ่มเทของผู้บริหารและพนักงาน ACE ทุกคน ทำให้ปี 2563 กลายเป็นอีกปีที่ ACE สามารถทำผลงานได้ดีและมีผลกำไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นที่น่าพอใจ โดย ACE ยังคงมีรายได้ที่เติบโตขึ้น จาก 4,951 ล้านบาท ในปี 2562 เป็น 4,988 ล้านบาท ในปี 2563 หรือเพิ่มขึ้น 0.7% ในขณะที่กำไรสุทธิปี 2563 มีการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 1,508 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2562 ที่ทำได้ 815 ล้านบาท และนับเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกำไรสุทธิที่ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2560 2561 2562 และ 2563 ที่ ACE มีกำไรสุทธิที่เติบโตจากปีก่อนหน้าในอัตราปีละ 149% 64% 49% และ 85% ตามลำดับ ดังนั้น กำไรสุทธิ 1,508 ล้านบาท ที่ทำได้ในปี 2563 จึงถือเป็น New High อีกครั้งของ ACE ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กลุ่มบริษัทฯ สามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องยาวนานเต็มประสิทธิภาพ สามารถบริหารและควบคุมต้นทุนต่างๆ ได้ดีเยี่ยมจนทำให้โรงไฟฟ้าทุกประเภทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯ ยังมีการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACE กล่าว

นายธนะชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมานับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน เป็นเครื่องยืนยันที่ดีว่าบริษัทฯ ได้เดินมาถูกทางตามกลยุทธ์ธุรกิจที่วางไว้ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีตามคาด และเป็นแรงส่งที่ดีที่จะทำให้การก้าวเดินต่อไปในอนาคตของ ACE เป็นไปด้วยความมั่นคงและมั่นใจตามแผนการขยายธุรกิจที่ได้วางไว้ โดยปี 2564 นี้ ACE ยังมีอีกหลายปัจจัยบวกที่จะเข้ามาช่วยสร้างโอกาสการเติบโต ทั้งในส่วนรายได้ กำลังการผลิต และผลกำไร ประกอบด้วย การรับรู้รายได้เต็มงวดของโครงการต่างๆ ที่เพิ่ง COD ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว การรับรู้รายได้บางส่วนของโครงการใหม่ๆ ที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและ COD ได้ทันภายในปีนี้ การทยอยลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ของโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่อยู่ในมือ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid อีก 3 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 73 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP อีก 11 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 108.9 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนและมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ รวมถึงโอกาสการได้มาซึ่งโครงการใหม่ๆ จากการที่ภาครัฐมีแผนที่จะเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 150 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ ซึ่ง ACE ก็มีความพร้อมเต็มที่ในการเข้าร่วมประมูลในส่วนนี้

นอกจากนี้ยังมีโอกาสจะได้เห็นดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในปีนี้ หลังมีผู้เสนอเข้ามาให้พิจารณาจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) และการเจรจา โดย ACE จะพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนและความเสี่ยงเป็นหลักสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อซื้อเข้ามาแล้วจะช่วยให้ผลประกอบการของ ACE เติบโตได้ดียิ่งขึ้นและเป็นไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว

 ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ACE มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วกำลังการผลิตติดตั้งรวม 245.91 เมกะวัตต์ (ข้อมูล ณ 31 ธันวาคม 2563) และมีกำลังการผลิตติดตั้งที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 203.66 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตติดตั้ง 449.57 เมกะวัตต์ ด้วยความพร้อมในด้านต่างๆ ที่มีซึ่งรวมกันเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันของ ACE ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมด้านเชื้อเพลิงชีวมวลที่มี Supply Chain ที่เข้มแข็งตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ความพร้อมด้านเทคโนโลยีและการออกแบบโรงไฟฟ้าที่เป็นต้นแบบของโลก ความพร้อมด้านการเดินเครื่องจักรและการซ่อมบำรุงเครื่องจักรโรงไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความพร้อมด้านการเงินและแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการขยายธุรกิจ ACE จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างความเติบโตให้กิจการและเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งของโรงไฟฟ้าด้วยการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ และการเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอีกเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อขับเคลื่อนให้ ACE บรรลุเป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งให้ได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567