ACE พร้อมประมูล RE ทุกรูปแบบหลังคว้า18 รฟ.ชุมชน

กรุงเทพฯ 27 ก.ย.- ACEเตรียมพร้อมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน(RE) ภาครัฐที่เตรียมเปิดรับซื้อต้นปีหน้าทุกรูปแบบ โดยเฉพาะขยะชุมชน หลังคว้าชัย 18 โรงไฟฟ้าชุมชนกำลังผลิตติดตั้ง 59 MW

นายธีรวุฒิ ทรงเมตตา กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน)หรือ ACE กล่าวว่าบริษัทเตรียมพร้อมเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าREของภาครัฐทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นขยะชุมชน , แสงอาทิตย์ , โรงไฟฟ้าชุมชนรอบใหม่ทั้งชีวมวล , ชีวภาพ , ไฮโดรเจน , การใช้ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS)ในขณะนี้รอเพียงนโยบายของกระทรวงพลังงานว่าจะพร้อมประกาศรับซื้อเมื่อใดจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) สั่งศึกษาการรับซื้อที่คาดว่าอาจจะเป็นต้นปีหน้าหรือเร็วสุดปลายปีนี้ ซึ่งคาดหวังว่ากระทรวงฯจะควรเปิดรับซื้อให้มีปริมาณมากที่สุด เพราะเป็นไปตามทิศทางโลกที่ลดโลกร้อนเข้าสู่ทิศทาง Carbon Neutral ส่วนใหญ่กำหนดการใช้พลังงานทดแทนราวครึ่งหนึ่งของการผลิตไฟฟ้าในอนาคตและยังใช้เป็นเครื่องมือกีดกันทางการค้าอีกด้วย

"ACE เตรียมพร้อมทุก RE ที่จะเข้าร่วมประมูลโดยเฉพาะขยะชุมชนที่ขยะสดทั่วไทยสามารถนำมาผลิตไฟฟ้าได้ถึง 1,200 MW พร้อมทั้งเทคโนโลยีและต้นทุนซึ่งจะเห็นได้ว่าโรงไฟฟ้าทั้งที่กระบี่ , ขอนแก่น ไม่มีกลิ่นไม่ปล่อยของเสียไม่มีน้ำทิ้งมีประสิทธิภาพสูงเดินเครื่องได้ตลอดเวลา จึงมั่นใจว่าเราจะชนะประมูลในปริมาณสูงสุดอย่างไรก็ตามจากต้นทุนจัดการที่สูงกว่าโรงไฟฟ้าประเภทอื่นก็คาดว่าภาครัฐจะไม่มีการ Bid ราคาค่าไฟ FIT" นายธีรวุฒิกล่าว

ล่าสุด ACE ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) โครงการฯ จำนวน 18 โครงการจากที่เสนอไป 29 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 59.00 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตเสนอขายรวม 50.00 เมกะวัตต์ เป็นโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) ทั้งหมด สำหรับขั้นตอนต่อไปจะเป็นการศึกษาเงื่อนไขการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 120 วัน หลังคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)​ ประกาศรายชื่อฯเมื่อวันที่23ก.ย.64 โดยกําหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ภายใน 36 เดือน นับจากวันลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือ ภายในวันที่ 21 มกราคม 2568 โดยในส่วนของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เสนอแข่งขัน 1 โครงการไม่ชนะประมูลเพราะ BID ราคารุนแรงมากมีการให้ส่วนลดถึง 80% ซึ่งเป็นราคาที่ไม่สมเหตุผลที่ ACE จะลงทุน​ใน​

ส่วน 18 โครงการนี้อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย กำแพงเพชร บุรีรัมย์ และราชบุรี ต้นทุนก่อสร้างราว 80 ล้านบาท/MW รวมแล้วประมาณ 5,000 ล้านบาท มีผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสม ทำสัญญากับวิสาหกิจชุมชนทุกโครงการมั่นใจทุกโครงการเกิดได้แน่นอนและช่วยสร้างประโยชน์ให้ชุมชนสูงสุดเรียกได้ว่าสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนแบบ 360 องศา มากกว่าเกณฑ์ที่ กกพ. กำหนดไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา/สาธารณสุข/อาชีพ/วัฒนธรรมและเทคโนโลยีการเกษตรโดยบริษัทพัฒนา

แอพพลิเคชั่น Crop monitoring system มาช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่มีการใช้โดรนเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตใช้เครื่องจักรกลในรูปแบบ "แชร์ริ่ง" ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีต้นทุนปลูกพืชพลังงานเช่นหญ้าเนเปียร์​ต่ำสุด​โดยราคาที่รับซื้อพืชพลังงานอยู่ที่กว่า 400 บาท/ตัน​

อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงพลังงานไม่กำหนด BID ค่าไฟฟ้าแข่งขัน ชุมชนก็จะได้ผลตอบแทนสูงกว่านี้เช่นส่วนแบ่งรายได้ค่าไฟฟ้า 25 สต./หน่วย เป็นต้น​ จึงหวังว่าการประมูลในรอบถัดไปก พลังงานจะปรับปรุงวิธีการรับซื้อซึ่งหากใช้เกณฑ์ BID ค่าไฟฟ้าอีก ​1 และอยากให้ชุมชนได้ผลตอบแทนสูงขึ้นก็ควรเพิ่มกำลังไฟฟ้ารับซื้อแต่ละแห่งให้สูงขึ้น ต้นทุนบริหารจัดการจะต่ำลงเอกชนก็จะมีศักย​ภาพ​ดูแลชุมชนเพิ่มขึ้น

"การได้รับคัดเลือกประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าสำคัญของบริษัทฯ ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญด้านการเป็นผู้นำพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยเสริมให้เป้าหมายการเพิ่มกำลังผลิตมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ในปี 67 รุดหน้ามากยิ่งขึ้น ตามแผนจะมีการขยายงานทั้งในและต่างประเทศขณะนี้ศึกษาครอบคลุมอาเซียน , ญี่ปุ่น , เกาหลีใต้ , ออสเตรเลีย , ยุโรปและอเมริกา ซึ่งการที่โลกใหความสำคัญ ​RE ทั้งสร้างใหม่และทดแทนโรงฟอสซิลเดิมก็ถือว่าเป็นโอกาส" นายธีรวุฒิกล่าว

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ACE มีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 22 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 247.67 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 15 โครงการ 201.90 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตติดตั้ง 449.57 เมกะวัตต์ โดยในส่วนนี้ ยังไม่นับรวม 18 โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน - สำนักข่าวไทย

ที่มา : tna.mcot.net