ตามรอย ACE ในวันที่จะไปถึง 1,000 เมกะวัตต์

ในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างมองหาหุ้นหลุมหลบภัย โดยเราเชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมีหุ้นโรงไฟฟ้าอยู่ในสายตาอย่างแน่นอน เพราะในแง่ของผลประกอบการถือเป็นหุ้นที่มีเสถียรภาพอย่างมาก ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว และยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระแสพลังงานสะอาดเข้ามาควบคู่อีกด้วย ที่ถือเป็นปัจจัยทำให้หุ้นที่ดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดได้รับกระแสนิยมอย่างมาก

ตลาดหุ้นของประเทศไทย มีหลายต่อหลายบริษัทที่ดำเนินเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด แต่ล่าสุด WEALTHY THAI พบว่า มีหนึ่งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดในสัดส่วนกว่า 100% คือ บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE โดยจะมีความน่าสนใจสักแค่ไหน วันนี้เราจะพานักลงทุนไปหาคำตอบพร้อมๆกัน

สำหรับ ACE เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2562 ในราคา IPO ที่ระดับ 4.40 บาท มีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยดำเนินธุรกิจผ่านการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำและธุรกิจอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่อง ซึ่งมีบริษัท แอ๊ดวานซ์ คลีน เพาเวอร์ จำกัด (ACP) ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นบริษัทแกน

ขณะที่ในปี 2562 ถือเป็นปีแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทาง ACE รายงานกำไรสุทธิที่ระดับ 815.31  ล้านบาท เติบโตจากปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 546.56 ล้านบาท แต่ล่าสุดปี 2563 รายงานกำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่นสูงถึง 1,508 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 85%  ถือเป็นการเติบโตต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันแล้วนับตั้งแต่ปี 2560

“โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เป็นผลมาจากการที่กลุ่มบริษัทสามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องยาวนานเต็มประสิทธิภาพ สามารถบริหารและควบคุมต้นทุนต่างๆ จนทำให้โรงไฟฟ้าทุกประเภทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังมีการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง”

ขณะเดียวกันกำลังการผลิตของบริษัทยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ตามนโยนบายของบริษัทที่เข้าตลาดหุ้นเพื่อต้องการขยายธุรกิจ โดยสิ้นปี 2563 กลุ่มบริษัท ACE มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วกำลังการผลิตติดตั้งรวม 245.91 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตติดตั้งที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 203.66 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตติดตั้ง 449.57 เมกะวัตต์โดยตั้งเป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งให้ได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ซึ่งจำนวนกำลังการผลิตที่มีอยู่ในมือ ถือว่าใกล้จะถึงเป้าหมายแล้ว

ล่าสุด นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACE เปิดเผยว่า ในปี 2564 ทาง ACE ยังมีอีกหลายปัจจัยบวกที่จะเข้ามาช่วยสร้างโอกาสการเติบโต ทั้งในส่วนรายได้ กำลังการผลิต และผลกำไร ประกอบด้วย การรับรู้รายได้เต็มงวดของโครงการต่างๆ ที่ได้ COD ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และการรับรู้รายได้บางส่วนของโครงการใหม่ๆ ที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและ COD ได้ทันภายในปีนี้

รวมทั้งการทยอยลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ของโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่อยู่ในมือ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid อีก 3 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 73 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP อีก 11 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 108.9 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนและมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ รวมถึงโอกาสการได้มาซึ่งโครงการใหม่ๆ จากการที่ภาครัฐมีแผนที่จะเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 150 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ ซึ่ง ACE ก็มีความพร้อมเต็มที่ในการเข้าร่วมประมูลในส่วนนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีโอกาสจะได้เห็นดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในปี 2564 นี้ หลังมีผู้เสนอเข้ามาให้พิจารณาจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) และการเจรจา โดย ACE จะพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุน และความเสี่ยงเป็นหลักสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อซื้อเข้ามาแล้วจะช่วยให้ผลประกอบการของ ACE เติบโตได้ดียิ่งขึ้น และเป็นไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว

จากประเด็นดังกล่าวการเติบโต และแผนการดำเนินธุรกิจของ ACE ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก ดังนั้นทีมข่าว Wealthy Thai จึงได้ต่อสายตรงไปยังนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) โดยบอกกับเราว่า ACE มีความน่าสนใจ 4 ประเด็น เริ่มจากประเด็นแรก คือ กำลังการผลิตตามแผนของบริษัทจะมีเข้ามาอีกจำนวนมาก

ประเด็นที่สอง กำไรของ ACE ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากมาร์จิ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหากกลับไปสำรวจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มาร์จิ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจาก ทาง ACE มีการปรับปรุงคุณภาพการผลิต รวมทั้งการลดต้นทุนในเรื่องของวัตถุดิบอีกด้วย

ขณะที่ประเด็นที่สาม ทางภาครัฐจะมีการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าชุมชน เบื้องต้นคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงหลังสงกรานต์นี้ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล ประมาณ 75 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชีวภาพ ประมาณ 75 เมกะวัตต์ ดังนั้นหากดูโรงไฟฟ้าของ ACE ที่ดำเนินการจะมีทั้ง โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าชีวภาพ จึงถือเป็นบริษัทที่ดำเนินการโรงไฟฟ้าดังกล่าว ในจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีมากกว่า 20 โรง จึงถือเป็นความได้เปรียบในการเตรียมพร้อมที่จะเข้าประมูลโครงการดังกล่าว

และประเด็นที่สี่ ACE ดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งในมุมของการลงทุนของกองทุนต่างๆนั้น จะชอบการลงทุนในพลังงานสะอาด โดย ACE เข้าข่ายเต็ม 100% และบริษัทที่เข้าข่ายพลังงานสะอาด 100% มีน้อยมากในประเทศไทย ซึ่ง ACE เป็นหนึ่งในนั้น อย่างไรก็ตามกองทุนต่างประเทศจะสนใจประเด็นนี้เพิ่มเติมที่นอกเหนือจากการเติบโต ก็จะเป็นธีมรักษ์โลก โดยต้องยอมรับว่ามีกองทุนประเภทนี้จำนวนมาก ที่จะไม่ลงทุนพลังงานไม่สะอาด จึงถือเป็นประโยชน์ต่อ ACE อีกด้วย

“เรามองว่า ACE เหมาะกับนักลงทุนทุกประเภท และเชื่อมั่นว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นไม่เกินไตรมาส 2/64 เนื่องจากกำไรไตรมาส 1 ที่จะออกมาในทิศทางที่ดี รวมทั้งจะมีการเข้าซื้อกิจการ และภาครัฐเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ดังนั้นเชื่อว่าไม่เกินไตรมาส 2 ราคาหุ้นจะ outperform จึงแนะนำ “ซื้อ” ACE ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.80 บาท”นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าว

นอกจากนี้ ในปี 2564 จะมีโรงไฟฟ้าหลายโครงการทยอย COD เข้ามาจำนวนมาก จึงคาดว่าปี 2565 กำไรจะเติบโตก้าวกระโดด มาอยู่ที่ระดับ 2,467 ล้านบาท และหากมองไปข้างหน้า ACE จะมีกำลังการผลิต และมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งโครงการใหม่ๆ ก็ยังเป็นโอกาสของ ACE อีกด้วย โดยตามแผนของ ACE ที่จะมีกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมาจากการเข้าซื้อกิจการ และการเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ที่จะสนับสนุนเป้าหมายธุรกิจในอนาคต

จะเห็นว่า กำไรของ ACE จะมีการเติบโตที่โดดเด่น มีเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแผนจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้า หรือการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนที่นักลงทุนคงจะได้ยินกันมาบ้างแล้ว 

ความน่าสนใจอยู่ที่ ‘โรงไฟฟ้าชุมชน’ เนื่องจากจะเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของกลุ่มโรงไฟฟ้าในอนาคต และมีหลายบริษัทที่ต่างมีแผนเข้าชิงเค้กในโครงการฯ แต่ถ้าดูจากศักยภาพของ ACE  ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่มีโอกาสคว้ากำลังผลิตจากการประมูลที่จะเกิดขึ้นได้มากที่สุด โดยความแข็งแกร่งของ ACE ที่มีความได้เปรียบในการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ไม่ว่าจะเป็น (1) ความสัมพันธ์กับเครือข่ายเกษตรกรและชุมชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศมายาวนานกว่า 40 ปี (2) มีประสบการณ์ในการวิจัยพัฒนาและเพาะพันธุ์พืชระดับโลก (3) มีความพร้อมและเชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกพืชพลังงาน (4) มีความเชี่ยวชาญในการใช้เชื้อเพลิงจากพืชและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (5) มีความพร้อมด้านบุคลากร และแหล่งเงินทุน รวมถึง (6) มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการ ตั้งแต่การออกแบบ, การคัดเลือก เทคโนโลยีและเครื่องจักร, การเลือกSupplier รวมทั้งการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และสามารถขายไฟได้ภายใน 1 ปี

จึงทำให้ ACE กลายเป็นหุ้นที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนหลายๆคน  

อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนยังอยู่ระดับต่ำ

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 2564 ประเมินว่ากำไรจากการดำเนินงานจะยังคงแข็งแกร่ง และเมื่อพิจารณาจากการดำเนินงานเต็มของกำลังการผลิตที่เพิ่มเข้ามาใน 2563 และการเริ่มเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง กำลังการผลิตรวม 12 เมกะวัตต์ เติบโต 5% จากสิ้นปี 2563

โดยแนวโน้ม upside จะมาจากโรงไฟฟ้า SPP ไฮบริด 1 โรง ขนาด 20 เมกะวัตต์ ซึ่งได้รับ PPA ระยะเวลา 20 ปีแล้วในเดือนม.ค. 2564 ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะเริ่มดำเนินงานภายในสิ้นปี 2564 เมื่อพิจารณาจากแผนการก่อสร้างและการจัดหาอุปกรณ์ที่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของ ACE จะยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับ 0.3 เท่า ณ สิ้นปี 2563 ขณะที่ upside คือ การลงนามใน PPA ของโรงไฟฟ้า SPP ไฮบริดภายในครึ่งปีแรกของปี 2564  และโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่อาจจะประกาศภายในกลางปี 2564

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ ACE ในปี 2564 เบื้องต้นประเมินจะรายงานกำไรสุทธิเติบโตมาอยู่ที่ระดับ 2,107 ล้านบาท หลังจากนั้นปี 2565 คาดว่ากำไรจะเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 3,308 ล้านบาท ขณะที่รายได้ของปี 2564 คาดว่าจะรายงานที่ระดับ 7,147 ล้านบาท ส่วนปี 2565 คาดว่าจะเติบโตมาแตะระดับ 10,314 ล้านบาท

ดังนั้นจึงแนะนำ OUTPERFORM คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 5 บาทต่อหุ้น โดยยังคงมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ ACE แม้ว่าไทม์ไลน์โครงการยังไม่แน่นอน ซึ่ง ACE จะได้รับประโยชน์จากการส่งเสริมให้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและสนับสนุนเกษตรกรท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สืบเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านทางการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน (หลักๆ เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล) อย่างไรก็ตามยังคงราคาเป้าหมายสำหรับโรงไฟฟ้าของ ACE ไว้เหมือนเดิม โดยยังไม่ได้รวมโครงการในอนาคตทั้งโรงไฟฟ้าชุมชนและโรงไฟฟ้า MSW เข้ามา

ที่มา wealthythai